เป็นโรคไต เลือกกิน “เต้าหู้” แบบไหนดี ?

เต้าหู้ ทำมาจากถั่วเหลือง ทำไมเป็นโรคไตถึงกินได้ ?

เต้าหู้ในตลาด ก็มีหลายแบบ จะเลือกกินแบบไหนดี ?

แล้วแต่ละมื้อ กินได้เท่าไหร่กันแน่ ?

 

ทุกข้อสงสัย ที่คุณมี หรือที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับเต้าหู้

บทความนี้อายจะมาคลายข้อสงสัยให้ค่ะ ^^

 

เต้าหู้ (Tofu)

เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากการแปรรูปถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลือง ถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง

ทั้งในแง่โปรตีน  วิตามินต่าง ๆ รวมถึงแร่ธาตุอย่าง ฟอสฟอรัสด้วย

tofu2

 

จากที่เราเคยได้ยินกันมาว่า  ถั่วเหลือง คนที่เป็นโรคไตห้ามแตะ เพราะเป็นถั่ว ฟอสฟอรัสสูง !!

แต่จริง ๆ แล้ว อายจะบอกว่า มันถูกเพียงครึ่งเดียวค่ะ

 

เพราะว่า ถั่วเหลืองเต็มเมล็ดนั้นมีฟอสฟอรัสสูงก็จริง

แต่ถ้าเอามาผ่านกระบวนการแปรรูปแล้ว มันจะเทียบกันตรง ๆ แบบนั้นไม่ได้ค่ะ

 

ก่อนจะไปดูกันต่อ ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์กับตัวคุณ หรือกับเพื่อน ๆ ของคุณ

ช่วยแชร์กันไปได้เลยนะคะ อายจะขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ 🙂

 

โดยทั่วไป วิธีการทำ เต้าหู้ ก็คือ การเอาถั่วเหลืองมาล้างให้สะอาด

แล้วบดหรือปั่น จากนั้นเอามาต้มต่อ ให้เกิดเป็น น้ำเต้าหู้ ดังนั้น สารอาหารต่าง ๆ ก็เลยเจือจางมาก

 

** นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ก็เลยมีฟอสฟอรัสต่ำ 240 ml. มีฟอสฟอรัสเพียง 40 mg. เท่านั้นเอง

แถมยังอุดมไปด้วยโปรตีน, วิตามิน,  ไม่มี lactose และ casein ทำให้คนที่แพ้นมวัว ก็สามารถดื่มได้โดยที่ท้องไม่เสีย**

 

พอได้น้ำเต้าหู้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการเติมเกลือลงไป เพื่อให้โปรตีนมาจับตัวกันแล้วตกตะกอน ลงมา

จากนั้นเอาไปอัดเป็นก้อน ๆ จึงได้ออกมาเป็น เต้าหู้แข็งขาว แบบที่เราเห็นวางขายทั่วไป นั่นเองค่ะ

 

tofu3

 

โดยทั่วไป เต้าหู้ จะมีอยู่ 3 ประเภท

เต้าหู้อ่อนขาว : เป็นเต้าหู้ที่มีเนื้ออ่อนนุ่ม มีสีขาวนวลกลิ่นหอม มีให้เลือกทั้งแบบก้อนบาง และก้อนหนา นิยมนำมาใส่แกงจืด และสุกี้ยากี้

เต้าหู้แข็งขาว/เหลือง : เต้าหู้ขาวจะมีเนื้อแข็ง สีขาวนวลออกครีมๆ มักทำออกมาเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หนาประมาณ 1 เซนติเมตร เหมาะสำหรับทำอาหารหลายชนิด เช่น ยำ ลาบ แกง ผัด

ส่วนเต้าหู้เหลือง เนื้อจะมีสีขาวนวล  และ มีการนำไปจุ่มขมิ้นให้มีสีเหลือง โดยจะมีรสออกเค็มกว่าเต้าหู้สีขาว เพราะเอาไปแช่ในน้ำเกลือด้วย  และมีอายุการเก็บนานกว่าเต้าหู้ขาวธรรมดา  มักจะเห็นบ่อย ๆ อย่างในผัดถั่วงอก หรือผัดไทย

เต้าหู้ไข่ไก่  หรือเต้าหู้หลอด : เป็นเต้าหู้อ่อนอีกชนิดหนึ่ง ที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย บรรจุลงในหลอดพลาสติกแบบสุญญากาศ ทำให้รักษาความสะอาดได้ดี เก็บได้นาน สะดวกในการใช้ มีทั้งแบบธรรมดา แบบไข่ไก้ทั้งฟอง และแบบไข่ขาวล้วนด้วยค่ะ

 

คุณค่าทางโภชนาการตามตารางนี้นะคะ

ขอบคุณภาพ foodnetworksolution.com
ขอบคุณภาพ foodnetworksolution.com

 

 

จะเห็นว่า นมถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) จะมีค่าฟอสฟอรัสที่ต่ำมาก ส่วนค่าฟอสฟอรัสในเต้าหู้แข็งก็จะดูค่าสูง

แต่อายจะบอกว่า ปกติ อาหารมื้อนึงเรากินเต้าหู้ ไม่ถึง 100 กรัม กันหรอกค่ะ

 

และเวลาเรากินเข้าไป ร่างกายก็ไม่ได้ดูดซึมฟอสฟอรัสได้ 100% ตามตารางเป๊ะ ๆ ด้วย

**ถ้าเป็นอาหารจากธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งน้อยมาก ร่างกายจะดูดซึมได้ ประมาณ 50%

ส่วนอาหารสังเคราะห์ ร่างกายจะดูดซึมได้ เกือบ 100% เลย

 

ปริมาณที่กินได้ สำหรับผู้ป่วยโรคไต

  • เต้าหู้ขาวอ่อน  3/4 หลอด (น้ำหนัก 180 กรัม) มีฟอสฟอรัส 80 mg.
  • เต้าหู้ไข่ไก่  1 หลอด (น้ำหนัก 120 กรัม) มีฟอสฟอรัส 80 mg.
  • เต้าหูแข็งขาว หรือเหลือง  1/2 ก้อน (น้ำหนัก 80 กรัม) มีฟอสฟอรัส 160 mg.

 

tofu5

 

นอกจากนี้ เต้าหู้ ยังเป็นแหล่งโปรตีน ที่กินแทนเนื้อสัตว์ได้เลย

แถมมีไฟโตสเตอรอล, เลซิติน, มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดเลือดโรคหลอดเลือดและหัวใจ

ที่เป็นโรคแทรกซ้อนสุดฮิต ผู้ป่วยโรคไตด้วย โดยต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะคะ

 

มีงานวิจัยชิ้นนึง ได้ทดลองให้คนกินน้ำตาลเข้าไปพร้อมกับถั่วเหลือง

พบว่า..ร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง

เมื่อเทียบการกินน้ำตาลพร้อมกับอาหารอื่นที่ไม่ใช่ถั่วเหลือง

 

จึงได้ข้อสรุปออกมาว่า ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานจะได้รับน้ำตาลส่วนเกิน จากอาหารน้อยลง

ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยคนไหน เป็นโรคไตและเบาหวานร่วมด้วย ก็ยังสามารถกินเต้าหู้ และน้ำเต้าหู้ได้อยู่ดีค่ะ ^^

 

อายจะยกตัวอย่างในการจัด มื้ออาหารด้วยเมนูเต้าหู้  ในแง่ของโปรตีนกับฟอสฟอรัส

แบบง่าย ๆ  ให้ดูกันนะคะ ว่าเราจะกินยังไงดี ถึงจะเรียกว่าพอเหมาะ

 

** ตัวอย่างวัตถุดิบ **

อกไก่ 100 g.                              ให้โปรตีน  24 g.     มีฟอสฟอรัส 196 mg.

เต้าหู้อ่อนขาว 100 g.                ให้โปรตีน 8 g.         มีฟอสฟอรัส 44 mg.

เต้าหู้แข็งขาว/เหลือง 100 g.    ให้โปรตีน  12 g.      มีฟอสฟอรัส 200 mg.

เต้าหู้ไข่ไก่ 100 g.                     ให้โปรตีน 10.8 g.   มีฟอสฟอรัส 67 mg.

 

tofu6

 

สมมติ เราเป็นผู้ป่วยฟอกไต ที่น้ำหนัก 60 Kg. สำหรับคนฟอกไต

จะต้องการโปรตีนมากกว่าคนปกติ ประมาณ 20% ดังนั้น โปรตีนที่ต้องการต่อวัน

จะเป็น  60 x 1.2 = 72 g. หรือเฉลี่ยต่อมื้อ 24 g./มื้อ

 

#กรณีที่ 1 เมนูอกไก่ผัดพริกไทยดำ :  ใช้ อกไก่ 100 g. = ได้โปรตีน 24 g.

–> โปรตีนครบ 24 g.   ฟอสฟอรัส 196 g.

 

#กรณีที่ 2 เมนูอกไก่ทอดกระเทียม :  ใช้ อกไก่ 50 g. = ได้โปรตีน  12 g.  ฟอสฟอรัส 98 g.

และเมนูถั่วงอกผัดเต้าหู้ : ใช้ เต้าหู้แข็ง 100 g. = ได้โปรตีน  12 g. ฟอสฟอรัส 200 g. 

–> รวม 2 เมนู โปรตีนครบ 24 g. ฟอสฟอรัส 298 g.

 

จะเห็นว่า #กรณีที่ 2 เราได้กินอาหาร 2 เมนู ในขณะที่ได้รับโปรตีน เท่ากับ #กรณีที่ 1

ส่วนในแง่ของฟอสฟอรัส ก็ถือว่าไม่มากเกินไปด้วย

**ผู้ป่วยโรคไต ควรได้รับฟอสฟอรัสไม่เกิน 800-1,000 mg. ต่อวัน 

(เฉลี่ยมื้อละ ประมาณ 300 mg. ค่ะ)

 

เพราะงั้น ที่อายจะบอกก็คือ เราจะสามารถคิดเมนูได้มากขึ้น ถ้าเรารู้จัก การจัดมื้ออาหารค่ะ

หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เราสามารถแบ่งใจ ไปเลือกกินเมนูที่เราชอบกินได้

ไม่จำเป็นต้อง ไข่ขาวกับปลาตลอดเวลา

 

การได้กินอาหารที่หลากหลาย มีข้อดี คือ  สารอาหารที่เราได้ จะครบถ้วนกว่า กินอย่างมีความสุขมากกว่า

เจริญอาหารกว่า และที่สำคัญยังทำให้เราไม่เบื่ออีกด้วย นะคะ

 

สุดท้ายนี้ อายอยากจะฝากไว้ว่า การกินอาหารต้องกินให้สมดุล ไม่มากเกินไปจนเกิดโรค

และไม่น้อยเกินไปจนขาดสารอาหาร ถ้าเรากินอาหารอย่างพอเหมาะ เน้นสลับอาหารบ้าง ไม่กินอย่างเดียวซ้ำนาน ๆ

ไม่กินบางอย่างมากเกินไป รับรองว่า สุขภาพและผลเลือดคุณจะดีอย่างแน่นอน

ขอให้ทุกคนมีความสุขและแข็งแรง ๆ กันถ้วนหน้า นะคะ

 

อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้คนที่คุณรักกันด้วยนะค๊าา ขอบคุณมากค่ะ ^^

 

ข้อมูลอ้างอิง :

หนังสือ คู่มือแนะนำปริมาณฟอสฟอรัสในอาหาร

หนังสือ เมนูรักษ์ไต ใส่ใจคุณภาพ

http://visitdrsant.blogspot.com/2011/09/blog-post_30.html?m=1

http://www.vcharkarn.com/varticle/42433

http://www.foodnetworksolution.com

 

Leave a Comment